เช็กด่วน 6 กิจการคลายล็อก 3 พ.ค. ผ่อนปรนให้ประชาชนใช้บริการ

เช็กด่วน 6 กิจการคลายล็อก 3 พ.ค. ผ่อนปรนให้ประชาชนใช้บริการ

6 กิจการคลายล็อก – นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลง วันนี้ว่า ช่วงเวลาที่ยังไม่มีการบังคับใช้ของข้อกำหนดใหม่ และเพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตภายใต้มาตรการป้องกันโรค และคำแนะนำด้านสุขภาพของทางราชการ จึงกำหนดมาตรฐานกลางของกิจกรรมประเภทสีขาว ได้แก่ กิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในหลายพื้นที่ และการแพร่เชื้อในสถานที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ในเกณฑ์สูง ดังนี้

6 กิจการคลายล็อกดาวน์

1.ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน/ ถนนคนเดิน แผงลอย

2.ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศรีม (นอกห้างสรรพสินค้า) ร้านอาหารริมทาง รถเข็น / หาบเร่

3.ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ บริเวณพื้นที่นั่งหรือยืนรับประทานอาหาร รถเร่หรือรถคล้ายคลึงกันวิ่งจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อม/ ร้านค้าปลีกชุมชน ร้านขายปลีกธุรกิจ สื่อสารโทรคมนาคม

4.กิจกรรมในสวนสาธารณะ (เฉพาะกิจกรรมที่ไม่เกิดการกระจายของฝอยละอองน้ำลาย และสารคัดหลั่ง) ได้แก่ เดิน ไทเก๊ก เป็นต้น และกิจกรรมสนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู กอล์ฟและสนามซ้อม

5.ร้านตัดผม (เฉพาะตัด สระ ไดร์ผม)

6.ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์

โดยมีมาตรการควบคุมหลัก ได้แก่

ทำความสะอาดพื้น พื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการจัดกิจกรรม และให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน

ให้ผู้ประกอบการ พนักงานบริการ ผู้ใช้บริการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเสมอ

ให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

ให้เว้นระยะห่าง หรือระยะนั่งหรือยืน ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร

ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน

มาตรการผ่อนปรนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 63 เป็นต้นไป และใช้เวลาประมาณ 14 วัน ติดตามประเมินผล หากแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี ก็สามารถเลื่อนลำดับกิจการ/กิจกรรม ให้ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ถ้ามีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะต้องทบทวนมาตรการใหม่ และกลับมาตรึงกิจการและกิจกรรม ซึ่งประชาชนทุกคนต่างมีส่วนร่วมมือ ร่วมศึกษาและปรับพฤติกรรมร่วมไปด้วยกัน

ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 ให้ขยายระยะเวลาประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพิ่มอีกหนึ่งเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พ.ค. 2563 เพื่อให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยพิจารณาให้คงมาตรการหลักๆ ต่อไปนี้

ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (curfew) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.

ควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ขยายการห้ามอากาศยาน บินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน (1-31 พฤษภาคม 2563)

งด หรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด โดยไม่มีเหตุจำเป็น

งดการดำเนินกิจกรรมคนหมู่มาก ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่หรือสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมากทำกิจกรรมร่วมกัน หรือเสี่ยงต่อการแพร่โรคติดเชื้อโควิด-19

ยังคงแนวทางการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50

อย่างไรก็ตามมาตรการที่ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดออกมาก่อนหน้านี้ ยังมีผลใช้บังคับต่อไปเช่นเดิม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรุงไทยจัดแคมเปญ #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน ช่วยร้านอาหารฝ่าวิกฤติโควิด-19

ข่าวจากกระทรวงการคลัง รายงาน นายกฤษณ์ ฉมาภิสิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มทุกขนาดที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ธนาคารยังได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่มีสถานะชำระปกติทั้งรายย่อยและลูกค้าธุรกิจ เพื่อให้สามารถเดินหน้าดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยขณะนี้มีมาตรการช่วยเหลือทั้งสิ้น 5 มาตรการ เป็นยอดวงเงินช่วยเหลือรวมกว่า 1.12 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ ร้านอาหารขนาดเล็กที่อยู่ละแวกใกล้เคียงบ้านเรา เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ดังนั้นเพื่อให้ร้านอาหารเหล่านี้ สามารถอยู่รอดได้ ธนาคารจึงได้จัดแคมเปญ #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน โดยเป็นการรวมของอร่อยที่มาจากการรีวิวร้านอาหารข้างทาง ที่ผู้บริโภคประทับใจและอยากจะช่วยบอกต่อทางสื่อโซเชียลมีเดีย ผ่าน #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ร้านอาหารข้างทางที่เรารักยังคงมีรายได้ต่อไปเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มตัวเลือกร้านอาหารใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคอีกด้วย ซึ่งมีการรีวิวร้านอาหารข้างทางไปแล้วจำนวนหลายพันร้านค้า และเป็น Hashtag ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ทาง Facebook Instagram รวมทั้งยังติด Trend Twitter อันดับ 1 อย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ร่วม Retweet กว่า 68,000 ครั้ง และมีผู้เข้ามา Engagement กว่า 350,000 ครั้ง

ด้าน  Global Times รายงานคลิป รถถึงของกองทัพจีนเคลื่อนกำลังไปยังเซินเจิ้น เมืองติดชายแดนฮ่องกง วิดีโอแสดงรถถังหุ้มเกราะประมาณสองโหล ขับผ่านเมืองทางตอนใต้ของกวางโจว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป